สวัสดีครับทุกท่าน ไม่ได้อัพ Blog มาเกือบปี นานๆอัพที ขอเข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับไม่อยากพิมพ์เยอะ
เนื่องจากได้ไปงาน Microsoft Thailand Developer Day จัดวันที่ 25 พฤษภาคม 2559 ที่ Plaza Athenee Bangkok, A Royal Meridien Hotel ซึ่งคราวนี้ CEO ของ Microsoft คือ Satya Nadella ได้ให้เกียรติมาเป็น Keynote ในการบอกถึงทิศทางในอนาคตของ Microsoft (ซึ่งก็มาพูดประมาณไม่ถึง 30 นาที)
หากใครอยากดู รายการวันนี้ทั้งหมด Click
ก่อนจะเข้าเนื้อหา ในช่วงแรกมาดูรอบๆก่อนนะครับ เป็นงานที่มีการจัดรับรองแขกทั่วไป มีภาพบรรยากาศให้ดูนิดหน่อย พอมีเวลาดูโน่นดูนี่พอควร มีป้ายโฆษณา (มีให้ถ่าย QR Code ไป Download Quick Guide ภาษาไทย ของ Azure และ SQL Server 2016 ด้วย )
ภาพของว่างหน้าประตูทางเข้าห้องสัมมนา |
ภาพด้านหน้าเวที |
ในช่วงแรกจะพูดเรื่อง Machine learning and Data Science: Data Into Intelligent Action
โดย Dr. Graham Williams โดยเขาจะพูดเป็น ทฤษฎีก่อน และแน่นอนก็ต้องเริ่มด้วยเรื่องข้อมูล (Data) ก่อน และค่อยๆ บอกว่าเราได้ข้อมูลมาแล้วมันก็ต้องเอาไปวิเคราะห์ โดยเรื่องการวิเคราะห์นี้ก็ทำให้มาถึงเรื่อง Machine Learning ซึ่งเรื่องนี้เนี่ย งานหลักๆก็ได้แก่
- Classification
- Regression
- Recommenders
- Anomaly
- Detection
ย่อๆหัวข้อแค่นี้ ถ้าอยากรู้ว่าแต่ละหัวข้อคืออะไรไปลองหาข้อมูลเกี่ยวกับ Machine learning กันดูนะครับ และก็เกือบลืมแหนะ ในเนื้อหาของส่วนนี้มีการพูดถึง Pattern Recognition และ อ้างอิงไปยัง pattern-recognition (เนื้อหาภาษาอังกฤษไปแปลกันเองถ้าอยากรู้ให้ละเอียด)
แต่ถ้าใครอยากรู้ว่า Pattern Recognition คืออะไร ผมขอยกตัวอย่างง่ายๆแล้วกันครับ ถ้าเรามีรูปภาพหลายๆรูป วันหนึ่งคุณอยากจะหาภาพทะเลจากกองภาพนั้น คุณจะทำยังไงครับ? ดูจากชื่อ File เหรอ แล้วถ้ารูปภาพนั้นไม่ได้ระบุชื่อเป็นตัวเลขเยอะๆ (ยกตัวอย่างภาพที่เซฟมาจาก Facebook ทั้งหลาย) เราก็ต้องเปิดรูปภาพแล้วก็มาดูด้วยตาของเราสิครับมันง่ายกว่า แต่ที่ยากคือ รูปภาพนั้นมีเป็น พันๆภาพ จะนั่งดูไหวเหรอ คุณก็ต้องให้โปรแกรมช่วยแยกให้หน่อย โดยให้โปรแกรมนั้นพิจารณาจาก Pattern ของภาพ ที่มีอะไรที่เราสามารถจับ Pattern นั้นได้ สมมติว่ากลุ่มภาพที่มี สีเหลืองตัดกับสีฟ้า อาจเป็นไปได้ว่ากลุ่มภาพนี้เป็นภาพทะเล แต่ถ้าในภาพมีสีเขียวอ่อน และเขียนเข้มออกดำ น่าจะเป็นคนละกลุ่มกับทะเล เป็นต้น ซึ่งขอบอกก่อนว่างานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เขาวิจัยกันมาเป็น สิบๆปีแล้วครับ ลองไปหาข้อมูลกันดูครับ
รวมถึงถ้าไม่อยากให้เปลืองเครื่องคอมของท่านในการวิเคราะห์ข้อมูล นี่เลยครับ Microsoft R Server เปิดเป็น Server กันเลยทีเดียว เอาเถอะครับแต่ถ้าแบบไม่อยากศึกษาภาษา R แต่อยากไปทำ Machine learning บน Azure ทำไง ไม่ต้องห่วงครับทาง Microsoft มี Microsoft Azure Machine Learning Studio เราสามารถนำข้อมูลที่มีส่งขึ้น Azure ให้ไปวิเคราะห์โดยทาง Microsoft มีเครื่องมือวิเคราะห์ที่เป็น Algorithm พื้นฐานอย่าง Neural Networks , SVM ฯลฯ แต่เดี๋ยวๆๆๆ ถ้าเป็นนักวิจัย อยากปรับปรุง Algorithm ขึ้นมาหละ คือถ้าคุณเขียน Python หรือ R ได้ เรียนเชิญครับ แก้ได้ด้วยแหละ ไปที่ ลิงก์นี้เลย
พักเบรกกันสักครู่ ทาง Microsoft สนับสนุนให้เครื่องมือพัฒนาอย่าง Visual Studio ให้นักศึกษาไปใช้กันฟรีๆ ซึ่งเมื่อก่อนจะผ่าน Microsoft DreamSpark แต่กำลังจะเปลี่ยนเป็น Microsoft Imagine ซึ่ง นักศึกษาสามารถใช้งาน Visual Studio, Windows Server, SQL Server ทั้งหมดนี่ได้ Free !!
และได้ให้ QRCode เป็นเว็บเก็บข้อมูลที่นำมาพูดนี้ สำหรับช่องทางการเรียนรู้ ข่าวสารอื่นๆจากทาง Microsoft Thailand ได้ ที่นี่ ครับ
และได้ให้ QRCode เป็นเว็บเก็บข้อมูลที่นำมาพูดนี้ สำหรับช่องทางการเรียนรู้ ข่าวสารอื่นๆจากทาง Microsoft Thailand ได้ ที่นี่ ครับ
หลังจากนี้จะเป็นช่วงของ Keynote ซึ่งทาง Microsoft ไม่อนุญาตให้ Update Feed หรือทำการอัด Live ใดๆ แต่ท่านสามารถดูได้จากทางนี้ได้เลย ที่นี่ ครับ
เอาหละครับกลับมากันต่อหลังไปพักกินข้าว ก็มีพูดถึง Xamarin ที่เป็นเครื่องมือในการเขียน C# ที่สามารถ Build ออกไปได้ทั้ง Windows Platform หรือ Android และ iOS ได้ แถม Remote ได้ด้วยนะ และการเขียนแบบนี้ไม่เหมือนกับการทำ Hybrid App อย่างการทำ Web App แล้วครอบด้วย PhoneGap เป็นต้นเพราะข้อเสียของ Hybrid App หลักๆคือเรื่องของ Performance แต่ Xamarin จะ Build เป็น Native App ที่ถ้าทำบน Android ก็คือเหมือนเราเขียน Java บน Android Studio เลย หรือถ้าทำ iOS ก็เหมือนเขียน Objective-C บน XCode เลยอะไรทำนองนั้น
Section ต่อไปคือเรื่อง IoT หรือ Internet of Thing เป็นการแสดงการติดต่อกับอุปกรณ์ที่สามารถ Connect เข้าไปยัง Internet และผู้พัฒนาสามารถส่งคำสั่งให้กับอุปกรณ์ได้ ซึ่งแน่นอน ตัวเอกที่ขาดไม่ได้คือ Azure ในการเป็นตัวกลาง และใช้ PowerBI ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่มาจากอุปกรณ์ อะไรทำนองนี้ในครั้งนี้มีการจำลองส่งข้อมูลจาก Raspberry Pi ด้วยนะ ก็แน่หละ มันต่อ Internet ได้สั่งการด้วย Remote Desktop ได้สะดวก แถมด้วยการติดต่อกับ Sensor ในเคสที่ยกตัวอย่างคือ Sendor วัดอุณหภูมิ ถ้าวัดแล้วก็จะมีการส่งข้อมูลไปให้ Azure (device-to-cloud) และมีโนตบุคสั่งการสวิชปิดเปิด โดยส่งข้อมูลไปที่ Azure ก่อนและ ส่งไปที่อุปกรณ์ (cloud-to-device) ให้ปิดสวิชได้นั่นเอง
และหัวข้อสุดท้ายจริงๆ เขาก็พยายามบอกตั้งแต่เปิดเวทีแล้วครับว่า Microsoft จะช่วยผลักดัน Open Source แล้วนะ และชี้แจงเลยว่าจะทำอะไร่อไปบ้างเพื่อสนับสนุน Open Source ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปบ้างตามภาพด้านล่างครับ
ตอนนี้ผมขอสรุปนะครับ งานนี้ก็ได้อะไรเยอะแต่ผมคิดว่างานนี้ Microsoft ต้องการขาย Azure เพื่องาน Data Science , Internet of Thing บลาๆๆๆ ที่ต้องมี Data Center อยู่บน Cloud พร้อม Service ต่างๆมากมายที่ทาง Microsoft จะมีให้และสามารถหา Open Source อย่าง Linux มาทำงานบน Azure ได้ หรือแม้กระทั้ง การ Deploy เว็บ Blog อย่าง Wordpress กทำได้ง่ายๆเช่นกัน
ซึ่งผมมองว่าเนื้อหาในงานส่วนใหญ่เหมาะกับพวกชอบเครื่องมือและ API ที่ช่วยในการ Analytics มากๆ ว่า จะส่งข้อมูล เอาข้อมูลมาวิเคราะห์ข้อมูลกันยังไงด้วยเครื่องมือของ Microsoft ที่จะทำให้ Developer ทำงานง่ายขึ้น เยอะมากจริงๆ ส่วน Hololens ที่โผล่มากับ Keynote ของ CEO นี่ถือว่าเป็นแค่น้ำจิ้มเล็กๆมาก